|
||
สถานที่ท่องเทียวใกล้เคียง ตลาดน้ำอัมพวา
ตลาดน้ำยามเย็นอัมพวา เป็นตลาดริมคลอง ตั้งอยู่ใกล้วัดอัมพวันเจติยาราม (จอดรถที่วัดอัมพวันเจติยารามได้) ทุกวันศุกร์ เสาร์และอาทิตย์ ในช่วงเวลาเย็นตั้งแต่ช่วงเวลา 02.00-20.00 น. ในคลองอัมพวาจะมีพ่อค้าแม่ค้าพายเรือขายอาหารและเครื่องดื่ม เช่น หอยทอด ก๋วยเตี๋ยว กาแฟ โอเลี้ยง ขนมหวานต่างๆ และมีรถเข็นขายของบนบกด้วย บรรยากาศสบายๆ มีเพลงฟัง จากเสียงตามสายของชาวชุมชน ประชาชนสามารถเดินเที่ยวชมตลาดหาซื้ออาหารรับประทานและเช่าเรือไปเที่ยวชมดูหิงห้อยในยามค่ำคืนได้ อุทยาน ร.2
ภายในอุทยาน มีสิ่งที่น่าสนใจได้แก่ นอกจากนี้ยังมีโรงละครกลางแจ้งและสวนพฤกษชาติเป็นสวนพันธุ์ไม้ในวรรณคดีนานาชนิดและมีร้านจำหน่ายสินค้าพื้นเมือง จำหน่ายพันธุ์ไม้ อุทยาน ร.2 ป็นสถานที่ๆมีความร่มรื่น เหมาะสำหรับเข้าไปเยี่ยมชมบรรยากาศแบบไทยที่ยังคงอนุรักษ์เอาไว้ ตลาดน้ำบางน้อย
ตลาดน้ำบางน้อย ตั้งอยู่ที่ปากคลองบางน้อย (วัดเกาะแก้ว) ตำบลกระดังงา อยู่ห่างจากอุทยาน ร.2 อำเภออัมพวาประมาณ 5 กิโลเมตร ชุมชนปากคลองบางน้อยหรือบางน้อยนอกเคยเป็นย่านการค้าทางน้ำที่สำคัญมากจุดหนึ่งในลุ่มน้ำแม่กลอง เมื่อประมาณ 40 ปีก่อน มาถึงวันนี้ ตลาดน้ำบางน้อยได้เปิดขายของในวันแรมและขึ้น 4, 8 และ 03 ค่ำ และในวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 06.00 น. เป็นต้นไป สินค้าที่จำหน่ายมีทั้งผลผลิตทางการเกษตรจากชาวสวน ผลไม้ต่างเช่น ลิ้นจี่ มะม่วง ส้มโอ มะเฟือง ชมพู่ รวมทั้งอาหารคาวหวานอันขึ้นชื่อของสมุทรสงคราม อย่างกะปิคลองโคลนและมะนาวดองที่ชาวตลาดจะซื้อมะนาวจากชาวสวนมาดองเอง หรือจะเป็นโรตีแต้จิ๋ว เจ๊เรณูเจ้าเดียวที่ยังเหลืออยู่ในตลาดน้ำบางน้อย สามารถเดินเลียบคลองชมบรรยากาศบ้านไม้เก่าแก่และร้านค้าต่างๆที่เรียงรายริมคลองบางน้อยได้อย่างเพลิดเพลิน ตลาดเก่า100ปีบางนกแขวก
ตลาดน้ำบางนกแขวก เคยเป็นแหล่งการค้าในที่คึกคักในอดีต ริมฝั่งมีเรือนแถวไม้เก่าแก่กว่า 100 ปีปลูกติดต่อกัน นับเป็นตลาดริมน้ำที่ยาวที่สุดของสมุทรสงคราม ร่องรอยของอดีตหาชมได้ที่ร้านขายยาจีนตงซัวฮึ้ง ปั๊มน้ำมันเก่าแก่ริมแม่น้ำ บ้านนายกังวาน "เจ้าพ่อบางนกแขวก" บ้านอภิเดช ศิษย์หิรัญ นักมวยไทยฉายาจอมเตะแห่งบางนกแขวก มีตรอกเล็ก ๆ ทางเข้าตลาดที่เดิมเคยเป็นทางเดินไปโรงสูบฝิ่น สำหรับอาหารน่าชิมได้แก่ ก๋วยเตี๋ยวปู ผัดไทยกุ้งสด ก๋วยเตี๋ยวกะลา หอยเชลล์อบเนย อิ่วก้วยไส้เค็มและไส้หวาน สละลอยแก้ว ฯลฯ จากตลาดมีบริการเรือนำเที่ยว ล่องไปทางราชบุรี ชมบ้านทรงบาหลี ให้อาหารปลาหน้าวัด และชมต้นไม้โบราณ มะม่วงหาวมะนาวโห่ ตลาดน้ำบางนกแขวก เปิดตลาดในวันเสาร์ อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 8.00- 17.00 น. อาสนวิหารแม่พระบังเกิด
ตั้งอยู่หมู่ที่ 7 ตำบลบางนกแขวก โบสถ์นี้เป็นสถานที่สักการะอันศักดิ์สิทธิ์ของคริสตชนที่อาศัยอยู่โดยรอบ สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2433 (ค.ศ. 1890) โดยบาทหลวงเปาโลซัลมอน มิชชันนารีชาวฝรั่งเศส ได้รับทุนสนับสนุนจากญาติพี่น้องของท่านในประเทศฝรั่งเศส คณะมิซซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีส กรุงโรมและผู้ใจบุญในกรุงเทพฯ ใช้เวลาสร้างถึง 6 ปีจึงเสร็จสมบูรณ์ ทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2439 (ค.ศ. 1896) เป็นสถาปัตยกรรมแบบโกธิคของประเทศฝรั่งเศส ฉาบด้วยปูนตำ ภายในประดับด้วยภาพกระจกสีสวยงดงาม มีรูปปั้น ธรรมาสน์เทศน์ อ่างล้างบาป ขาเทียนลักษณะต่างๆ และรูปแกะสลักบรรยายเกร็ดประวัติในพระคัมภีร์คริสตศาสนา นับเป็นโบสถ์ที่มีความสวยงามไม่ไกลจากริมฝั่งแม่น้ำ วัดบางกุ้ง
วัดบางกุ้งตั้งอยู่ที่ตำบลบางกุ้ง อำเภอบางคนที อยู่ในเขตพื้นที่เดียวกับค่ายบางกุ้งแต่อยู่คนละฝั่งกัน มีถนนตัดผ่านกลาง วัดบางกุ้งนี้มีความมหัศจรรย์อยู่ที่โบสถ์ของวัดจะถูกปกคลุมด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ ทำให้วัดบางกุ้งแห่งนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งใน Unseen Thailand โดยภายในวัดมีโบสถ์เก่าประดิษฐานหลวงพ่อพุทธมณีนิลพระประธานเป็นพระพุทธรูปปั้นขนาดใหญ่ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า หลวงพ่อดำ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ สมัยอยุธยาตอนปลาย เป็นที่เคารพบูชาของคนในท้องถิ่น รวมไปถึงชาวไทยที่มาจากทั่วทุกสารทิศซึ่งมาสักการะและชมความมหัศจรรย์ของโบสถ์ที่ดำรงอยู่ด้วยการค้ำยันแห่งรากไม้ นอกจากนั้นยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังสมัยปลายกรุงศรีอยุธยาแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ เป็นภาพพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมและภาพพระพุทธเจ้าประทับนั่งอยู่ในซุ้มขนาบข้างด้วยอัครสาวกนั่งพนมมือ วัดบางกุ้งเป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยอยุธยา เคยเป็นที่ตั้งค่ายรบโบราณที่มีความสำคัญ ตามประวัติศาสตร์กล่าวว่าในสมัยพระเจ้าเอกทัศน์ทรงให้กองทัพเรือมาตั้งค่ายกำแพงล้อมที่วัดบางกุ้งแห่งนี้ เพื่อรบกับทัพข้าศึก เรียกว่า "ค่ายบางกุ้ง" จนภายหลังจากที่กรุงศรีอยุธยาได้แตกลงแล้ว พระเจ้าตากสินทรงโปรดให้ฟื้นค่ายบางกุ้งแห่งนี้อีกครั้งโดยให้ตั้งกองทหารชาวจีนมารักษาค่ายไว้ และใช้เป็นที่รับศึกทัพพม่า โดยทรงยกกองทัพเสริมมาช่วยตีข้าศึกจนแตกพ่ายไปในสงครามครั้งแรกกับพม่า นับแต่สถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานี ซึ่งได้สร้างขวัญและกำลังใจให้กับเหล่าทหารไทยได้อย่างมาก
|
|
Online: 1 | Visits: 14,975 | Today: 5 | PageView/Month: 8 |